เรื่องลักษณวงศ์นี้ สุนทรภู่แต่งบทพรรณนาไว้อย่างไพเราะงดงามหลายบท เช่นบทยกทัพ แต่งเป็นกลบทครอบจักรวาลดังนี้
ได้ฤกษ์ชั้นลั่นฆ้องถึงสามหน ขยายพลยกเขยื้อนเคลื่อนขยาย
พรายอากาศดาษโพยมพยับพราย เรียงรถรายท้ายรถระดะเรียง
ครึกครื้นเครงโครมประโคมครึก เสียงพิลึกเลื่อนลั่นสนั่นเสียง
เอียงพิภพสิงขรจะอ่อนเอียง พิมานเพียงพลาดทับกับพิมาน
ช่องพระแกลเทพแลอยู่ทุกช่อง ประสานเสียงกรีดร้องซ้องประสาน
มารแห่โห่ทั่วทุกตัวมาร ชลธารเป็นระลอกกระฉอกชล
นกตื่นแตกพรูทุกหมู่นก ฝนก็ตกฟ้าคลุ้มชอุ่มฝน
พลมารกลุ้มกลํ้าทั้งอำพน ตาลานลนแกว่งดาบออกปลาบตา
ช้างที่นั่งลอยเลิศประเสริฐช้าง หน้าสล้างดูงามทั้งสามหน้า
งาจะช้อนดาวตกทั้งหกงา งวงจะคว้าเดือนงามทั้งสามงวง
กษัตริย์ทรงองค์เลิศประเสริฐกษัตริย์ ช่วงชวัดแสงเครื่องดูเรืองช่วง
ดวงพระพักตร์ผ่องเหมือนกันเดือนดวง อินทร์ไม่ล่วงเลยท้าวเมื่อเทียบอินทร์
รถมณีสีสว่างกระจ่างรถ ฉินฉะอ้อนงอนชดดูเฉิดฉิน
ยุพินทรงเอกองค์พระยุพิน นางอัปสรทั้งสิ้นไม่เกินนาง
บทบรรยายธรรมชาติในป่าความว่า
มะเดือดกตกเกลื่อนระดาดาษ ก็โอภาสผลแดงดั่งแสงเสน
วายุโบกโยกโยนโอนระเนน ในบริเวณหว่างสิขรินทร์เรียง
แก้วกระทุ่มกุ่มกระถินทั้งฝิ่นฝาง กระโดนพยอมยางยูงพะยูงเหียง
เรียบเสลาเถาสลิดสลับเรียง นกเขาเคียงคู่คูบนยอดแค
กิ่งมะไฟไก่ฟ้าเข้าแฝงกิ่ง นางนวลนิ่งแนบนางไม่ห่างแห
ฝูงกระลิงเลียบกิ่งต้นแกแล รอกกระแตเต้นตื่นออกรื่นเริง
............................................................................................................................
บทพรรณนาความทุกข์ตรมของตัวละคร ซึ่งสร้างอารมณ์สะเทือนใจแก่ผู้อ่านหลายบท เช่นตอนที่ลักษณวงศ์ออกเดินทางไปเมืองมยุราเพื่อช่วยพระมารดา มีบทกลอนว่า
รื่นรื่นชื่นกลิ่นผกามาศ บุปผชาติลมชายไม่หายโหย
พระหอมกลิ่นสุกรมเมื่อลมโชย ยิ่งดิ้นโดยกรมจิตคิดรำจวน
เห็นนางนกกกลูกประคองกอด สะท้อนทอดหฤทัยอาลัยหวน
เหมือนแม่เจ้าคราวกอดถนอมนวล เลี้ยงสงวนลูกไว้ไม่ไกลกาย
............................................................................................................................
ด้านเนื้อหาสาระ กล่าวได้ว่ากวีนิพนธ์เรื่องนี้ได้รับอิทธิพลจากพุทธศาสนาเช่นเดียวกับนิทานคำกลอนเรื่องอื่น ๆ ของสุนทรภู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่อง “กรรม” “บาป-บุญ” และ “การสร้างกุศล” ซึ่งผู้อ่านจะได้พบตลอดทั้งเรื่อง แทรกด้วยคำสอนให้ประพฤติดี ละเว้นความชั่ว และสอนให้เห็นผลของการกระทำ คือ ผู้ทำดีย่อมได้รับผลดีตอบสนอง ส่วนผู้ทำชั่ว ผลชั่วก็จะตอบสนองเช่นกัน
ดังตอนที่ลักษณวงศ์สังหารท้าววิรุญมาศเจ้าเมืองมยุราสิ้นชีพ นางสุวรรณอำภากล่าวถึงผลการกระทำของท้าววิรุญมาศไว้ดังนี้
ว่าดูราเสนาสนมนาฏ ทั้งพระญาติยักษาที่อาสัญ
เพราะโลภหลงไม่ดำรงในราชธรรม์ ท้าวกุมภัณฑ์ดื้อดึงจนถึงตาย
ก็เพื่อเพราะผลกรรมได้ทำไว้ อย่าน้อยใจอสุรินสิ้นทั้งหลาย
............................................................................................................................
และตอนที่วิทยาธรสองตนต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงนางทิพเกสร จนต้องอาวุธตายทั้งคู่ แต่งเป็นคำกลอนกล่าวไว้ว่า
ทั้งสองฮึกโอหังจนสังขาร์ เพราะตัณหาพาชีพให้ฉิบหาย
กเฬวรากชากศพประกบตาย ริมเชิงชายสิขเรศคิรีวัน
วรรณคดีเรื่องนี้ยังให้คติธรรมและคำสอนในเรื่องความกตัญญู ต่อผู้มีพระคุณ เรื่องการรบ การระวังรักษาอาวุธ ความรัก และเรื่องโลกีย์ ซึ่งให้ข้อคิดอันเป็นคุณประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตของผู้ยึดถือปฏิษัติ เชน ตอนที่นางสุวรรณอำภาประณามท้าววิรุญมาศความว่า
ไม่มีอายชายเชื้อมิจฉาชาติ ใจฉกาจผิดอย่างปางประถม
หำกาเมสุมิจฉาเป็นอารมณ์ เที่ยวชิงชมเชยชิดไม่คิดอาย
ให้ลูกพรากจากแม่ไม่สังเวช เป็นชายเชษฐ์อกุศลกว่าคนทั้งหลาย
ช่างไม่อายสามนต์พลนิกาย ไม่ขอเห็นเช่นชายเหมือนกุมภัณฑ์
......................................................................................................................................
อีกทั้งบทกลอนที่ให้ข้อคิดแก่ผู้หญิงว่า
เป็นหญิงเที่ยวเดี่ยวโดดทุกลำเนา โอ้ผู้ใดใครเขาจะกลัวเกรง
เหมือนมาลีคลี่กลีบตรลบหอม จะตามตอมเฝ้ารุมกันคุมเหง
เอกากายชายหรือจะมาเกรง โอ้ตัวเองก็จะอายไม่วายวัน
นิทานเรื่องลักษณวงศ์นี้ยังแสดงให้เห็นถึงความเชื่อในเรื่องคู่สร้าง การกราบไหว้บูชาและตั้งสัตย์อธิษฐานบอกกล่าวต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือเทพยดาอารักษ์ เพื่อให้มาช่วยเหลือ คุ้มครอง หรือเป็นทิพย์พยาน รวมทั้งความเชื่อเรื่องความฝัน การทำนายฝัน และการทำนายโชคชะตา โดยเฉพาะเรื่องลางร้ายต่าง ๆ ซึ่งมีอิทธิพลต่อขวัญและกำลังใจของผู้ที่ประสบค่อนข้างมาก
............................................................................................................................
ทั้งยังแทรกด้วยวัฒนธรรมประเพณีของคนไทยในอดีต เช่น ธรรมเนียมปฏิบัติในราชสำนัก การแต่งกายและการละเล่นของชาววัง รวมถึงประเพณีสำคัญ เช่น พิธีบรมราชาภิเษก พิธีสมโภช การสร้างพระเมรุ พิธีถวายเพลิงพระศพ การละเล่นในงานมหรสพ เป็นต้น อีกทั้งภูมิปัญญาของคนโบราณ อาทิ ยาสมุนไพรพื้นบ้าน ดังคำกลอนว่า
นางชาววังแหวกม่านประสานเสียง เห็นช้างเคียงฉวยคว้าพฤกหาหัก
เห็นอะไรก็ให้กำเริบรัก ไม่รู้จักหนามุ้ยเอามือทึ้ง
ละอองลูกถูกเนื้อมันเหลือเล่ห์ สมคะเนเกาสนุกลุกทะลึ่ง
พวกขอเฝ้าเหล่าโขลนตะโกนอึง ใบตำลึงหม่อมจ๋าแก้หมามุ้ย
นอกจากนี้สุนทรภู่ยังนำตำนานเกี่ยวกับสัตว์มาแทรกไว้ โดยผูกเรื่องให้ตัวละครเป็นผู้ถามและผู้เล่า ได้แก่ ตำนานจระเข้ไม่มีลิ้น กระต่ายกินแต่นํ้าค้างในป่า ไม่ชอบลงกินนํ้าที่ท่า และตำนานลายที่ตัวเสือ ซึ่งทำให้วรรณคดีเรื่องนี้น่าสนใจยิ่งขึ้น
ด้านการตรวจชำระเพื่อการจัดพิมพ์ครั้งนี้ ได้สอบเทียบกับต้นฉบับสมุดไทยเรื่องลักษณวงศ์ในหมวดวรรณคดี หมู่กลอนอ่าน ซึ่งเก็บรักษาไว้ที่กลุ่มหนังสือตัวเขียนและจารึก สำนักหอสมุดแห่งชาติ เลขที่ ๒, ๓, ๑๓, ๑๔, ๑๕, ๑๖, ๒๕ และ ๒๖ รวมทั้งเทียบเคียงกับฉบับพิมพ์ครั้งแรก และปรับอักชรวิธีบางส่วนเป็นปัจจุบัน พร้อมทั้งจัดทำเชิงอรรถอธิบายความเพิ่มเติมเพื่อประโยชน์ต่อผู้อ่าน
...........................................................................................................................
ที่มา http://vajirayana.org/ลักษณวงศ์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น